วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น
...ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม
ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ
แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ
เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง
..แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย
เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด
แม้จากระยะไกลฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ
และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความหวาดหวั่น
รอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง
แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้
และหนังสือเล่มนั้นก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง
แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก
..สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก
แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน
พ่อกลับนั่งลง หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้
..แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง
พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า
"ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ"
ต่อไปนี้ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด
พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก
ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย
เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน
"ว้าว..." ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?
นานๆ ครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้
มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น
ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น
ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น
ซึ่งนั่นก็คือ 'คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ'
ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง...
ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ
เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร
เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ
แต่..มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ
และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอ แถมด้วยคำพูดว่า
"เดี๋ยวผมเทเองก็ได้"
นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน
เพราะอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว
แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก
เมื่อผมหยิบเสื้อตัวนี้มาใส่อีก ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้
ทุกครั้งไปที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และ..
ได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด
อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม)
แต่ว่าคราวหน้าที่เราออกมาทานข้าวข้างนอกกัน
ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั่งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง)
แบบนี้รอยยิ้มจากหัวใจของเธอก็เริ่มโบยบิน
และแค่นี้คุณได้ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้วล่ะ
สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน
หรือเนคไทเส้นละหลายพัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่า
...มีใครคนหนึ่งเฝ้ารักเฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
เหมือนดังเรื่องของพ่อ... เมื่อพ่อขอบคุณพระเจ้า
...ที่ประทานเด็กน้อยคนนี้มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า...'อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง'
Monday, January 29, 2007
การลงโทษอย่างสาสม
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment